ก่อนให้ ยาเคมีบำบัด

  • พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพออย่าน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง ก่อนเข้ารับ ยาเคมีบำบัด
  • ทำจิตใจให้สดชื่นแจ่มใสไม่ท้อถอยต่อการรักษาและจำไว้เสมอว่าอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นจะหายไปเมื่อจบการรักษาแล้ว
  • รับประทานอาหารให้ครบทุกหมู่เพื่อเตรียมพร้อมร่างกายให้แข็งแรงก่อนรับยาเคมีบำบัด
  • การรับประทานยาหรือสมุนไพรบางชนิดอาจมีผลกับยาเคมีบำบัดควรปรึกษาแพทย์ก่อน
  • การทำหัตถการในช่องปาก เช่น การอุดฟันถอนฟัน ขูดหินปูน ควรทำให้เสร็จก่อนมารับยาเคมีบำบัด 1-2 สัปดาห์เนื่องจากการให้ยาเคมีบำบัดจะทำให้แผลหายช้าและเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย
  • สามารถออกกำลังกายได้แต่ควรปรับให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายทั้งก่อนและหลังให้ยาเคมีบำบัดไม่หักโหม เหมาะสมกับวัย เช่น การเดินช้าๆ รำมวยจีน เล่นโยคะ เป็นต้น
  • ยาเคมีบำบัดอาจมีผลต่อรังไข่ในเพศหญิง และการผลิตอสุจิในเพศชาย ทำให้มีลูกยากในผู้ป่วยที่ต้องการวางแผนมีลูกในอนาคตควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำในการเก็บไข่หรืออสุจิไว้ในธนาคาร
  • ในผู้ป่วยเพศหญิงควรหลีกเลี่ยงการตั้งครรภ์ระหว่างการรักษาโดยใช้ถุงยางอนามัยคุมกำเนิดทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์เนื่องจากยาเคมีบำบัดมีอันตรายต่อทารกในครรภ์
  • งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดและสูบบุหรี่

ระหว่างให้ยาเคมีบำบัด

  • ถ้ารู้สึกมีไข้ไม่สบายควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนให้ยาเคมีบำบัดทุกครั้ง
  • ระวังไม่ให้ตำแหน่งที่แทงเข็มฉีดยาเปียกชื้น
  • ระวังไม่ให้สายน้ำเกลือมีการหัก พับ งอหรือดึงรั้ง
  • เมื่อมีอาการผิดปกติระหว่างให้ยา เช่น แน่นหน้าอก หายใจไม่ออกใจสั่น หน้ามืด ตาพร่ามัว ปวดแสบบริเวณที่แทงเข็มให้รีบแจ้งให้แพทย์หรือพยาบาลทันที
  • ยาเคมีบำบัดบางชนิดทำให้การทำงานของไตเสื่อมลงผู้ป่วยบางรายอาจเกิดภาวะไตวายได้ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้วหรือประมาณ 2 ลิตรในวันที่ให้ยาเคมีบำบัดและหลังให้ยาเคมีบำบัด 1 วันเพื่อลดความเสี่ยง

หลังให้ยาเคมีบำบัด

อาการข้างเคียงหลังให้ยาเคมีบำบัด มักเกิดขึ้นภายใน 7-14 วันแรกผู้ป่วยแต่ละคนจะมีการตอบสนองต่อยาเคมีบำบัดที่มากหรือน้อยแตกต่างกันได้

ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยคือ

อาการเบื่ออาหารคลื่นไส้อาเจียน อาจเกิดขึ้นหลังได้รับยา 2-3 ชั่วโมงดูหลังรับยาแล้วนานเป็นวันสามารถป้องกันและลดความรุนแรงได้ดังนี้

  1. ปรับเปลี่ยนวิธีการรับประทานอาหารโดยรับประทานอาหารทีละน้อย ๆ แต่บ่อยมื้อ
  2. รับประทานอาหารอ่อนย่อยง่ายๆ เช่น โจ๊กข้าวต้มหรือเครื่องดื่มเย็นๆ เช่น น้ำผลไม้ หรือน้ำขิง
  3. หลีกเลี่ยงอาหารกลิ่นฉุน รสจัด อาหารมันอาหารทอด เพราะจะทำให้รู้สึกอยากอาเจียนมากขึ้น
  4. รับประทานยาแก้คลื่นไส้อาเจียนตามที่แพทย์สั่ง
  5. ถ้ามีอาการอาเจียนมากกว่า 3 ครั้งต่อ 1 ชั่วโมง อาเจียนเป็นเลือดหรือน้ำดีผลออกมา หรืออาเจียนมากจะไม่สามารถทานอาหารได้มากกว่า 1 วันควรรีบมาพบแพทย์
  6. ควรพักผ่อนให้มากๆเพราะหลังได้รับยาผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย