การตรวจคัดกรองโรคมะเร็ง (Cancer Screening or Cancer Early Detection) เป็นวิธีการรักษาโรคมะเร็งที่ทางการแพทย์นิยมใช้ เนื่องจากเป็นการตรวจเพื่อค้นหาโรคมะเร็งตั้งแต่ก่อนเป็นโรคจนถึงระยะเริ่มต้น แม้ว่าผู้ป่วยจะยังไม่มีอาการที่แสดงออกมา ส่งผลให้มีอัตราการอยู่รอดจากโรคมะเร็งภายหลังการรักษาเพิ่มขึ้น หรือสามารถลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งได้มากขึ้น
แม้ว่าการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งจะยังไม่สามารถคัดกรองโรคมะเร็งได้ทุกชนิด หลายๆ โรคอาจยังไม่สามารถตรวจเจอได้
ซึ่งโรคมะเร็งในปัจจุบันที่สามารถทำการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งได้ เช่น โรคมะเร็งเต้านม โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคมะเร็งปากมดลูก เป็นต้น โดยการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งแต่ละชนิดจะมีความถี่ในการตรวจที่แตกต่างกัน ดังนี้
การตรวจหาเซลล์มะเร็งโดยการทำเอกซเรย์หรือที่เรียกว่าการตรวจแมมโมแกรม (Mammogram) ผู้ป่วยที่มีปัจจัยความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งเต้านม ได้แก่ มีประจำเดือนตั้งแต่อายุน้อย ไม่มีบุตร เคยได้รับการฉายรังสีที่เต้านม ซึ่งแพทย์ได้แนะนำให้ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปี ขึ้นไป เข้าพบแพทย์เพื่อทำการตรวจคัดกรอง
เป็นการตรวจภายในหรือที่เรียกว่า การตรวจแปปสเมียร์ (Pap Smear หรือ Pap Test) เพื่อตรวจดูความผิดปกติของเซลล์ที่ปากมดลูก โดยจะนำเซลล์เหล่านั้นมาตรวจเพื่อค้นหาเซลล์มะเร็ง
โดยการส่องกล้องตรวจภายในลำไส้ ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่สามารถพบได้ในทุกช่วงอายุ ซึ่งจะพบมากในกลุ่มคนอายุ ตั้งแต่ 50 ปี เป็นต้นไป
ผลกระทบที่เกิดจากการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งจะขึ้นอยู่กับวิธีในการตรวจคัดกรองโรคมะเร็ง เช่น
การตรวจคัดกรองโรคมะเร็งในเพศชายและเพศหญิงจะมีความเสี่ยงที่แตกต่างกัน เช่น โรคมะเร็งเต้านม เพศชายก็มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมได้ แต่เพศหญิงมีความเสี่ยงเยอะกว่า ในส่วนของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ก็มีโอกาสเป็นได้ทั้ง 2 เพศ โดยส่วนใหญ่แพทย์มักจะแนะนำผู้ป่วยที่อายุ ตั้งแต่ 50 ปี ขึ้นไป จัดอยู่ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง ควรเข้ามาพบแพทย์เพื่อทำการตรวจคัดกรองโรคมะเร็ง
มะเร็งปากมดลูก
มะเร็งเต้านม
มะเร็งลำไส้ใหญ่
มะเร็ง...ภัยร้ายที่ใครๆ ก็หวาดกลัว และกังวล แต่ Extract Plus อยู่เคียงข้างคุณเสมอ ทางเลือกในการดูแลสุขภาพอย่างมีประสิทธิภาพ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันด้วยสมุนไพรจีนกว่า 10 ชนิด